ภาพรวม
ในปี 1966 นายหน้าหุ้น Marc Chaikin เริ่มต้นอาชีพบน Wall Street เขาเป็นคนเก่งและประสบความสำเร็จ และเริ่มสนใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นทางเลือกจากการวิจัยปัจจัยพื้นฐาน เขาเป็นผู้คิดค้นตัวชี้วัดทางการเงินหลายตัวที่ปัจจุบันใช้ชื่อของเขา ตัวอย่างเช่น Chaikin Oscillator, Chaikin Accumulation/Distribution, Chaikin Persistence of Money Flow และ Chaikin Volatility ที่นักเทรดทั่วโลกใช้เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด
ตัวชี้วัด Chaikin Volatility (CVI) ช่วยในการกำหนดช่วงค่าระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด มันวัดความผันผวนของตลาด ซึ่งหมายความว่ามันแสดงถึงเปอร์เซ็นต์ความสามารถในการทำนายของตลาด แตกต่างจาก Average True Range (ATR) CVI จะไม่พิจารณาช่วงเวลาที่ตลาดขาดช่วงการซื้อขาย
โดยทั่วไปแล้ว Chaikin Volatility Indicator จะใช้ควบคู่กับระบบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และใช้ช่วงเวลาที่กำหนด โดยส่วนมากคือ 10 วัน

คำอธิบาย
เนื่องจากตัวชี้วัด Chaikin Volatility วัดความไม่มั่นคงของตลาดหุ้น ค่าที่สูงบ่งชี้ว่าราคากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมากในแต่ละวัน ราคาจะคงที่เมื่อค่าตัวชี้วัดต่ำ โดยพื้นฐานแล้ว เส้น CVI ที่เรียบบนกราฟ หมายถึงราคาที่คงที่และมั่นคงมากขึ้น
ช่วงเวลาตลาดบนกราฟอาจมีราคาคงที่หรือเป็นแนวโน้ม เมื่อราคาผันผวน ตลาดจะไม่มั่นคง และในทางตรงกันข้าม ตลาดที่เป็นแนวโน้มมักมีการระเบิด/ยุบของราคา ตามทิศทางขึ้นหรือลง ทั้งตลาดแนวโน้มและตลาดผันผวนสามารถมีความผันผวนสูงหรือต่ำในช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นการใช้ช่วงเวลา 10 วันจึงช่วยให้นักเทรดสังเกตความผันผวนที่แท้จริงของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
บางครั้ง ค่าความผันผวนสูงถูกใช้ในการคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้ม เช่น จุดเปลี่ยนของตลาด จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของความผันผวนกำหนดจุดสูงสุดและต่ำสุดของตลาด หลังจากนั้นแนวโน้มใหม่จะเริ่มขึ้น ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ดังนั้นค่าความผันผวนต่ำอาจใช้สะท้อนการเริ่มต้นของแนวโน้มราคาขาขึ้น ซึ่งมักเกิดหลังจากช่วงเวลาการรวมตัวของตลาด
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวชี้วัดนี้และสัญญาณการเทรด คลิกที่นี่
การตั้งค่าในกราฟ


การตั้งค่าในกลยุทธ์

Chaikin Volatility สามารถใช้ได้ทั้งแบบแยกเดี่ยวและร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ใน RoboBuilder