คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) คือคำสั่งให้ขาย (ในกรณีโพซิชั่น Long) หรือซื้อ (ในกรณีโพซิชั่น Short) ตราสารทางการเงินเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถล็อกกำไรได้
การทำงานของ Take Profit (ทำกำไร)
1. การตั้งค่า Take Profit (ทำกำไร):
เมื่อเปิดการเทรด เทรดเดอร์จะตั้งคำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) ไว้ที่ระดับราคาหนึ่ง ซึ่งมักตั้งไว้สูงกว่าราคาเข้าสำหรับโพซิชั่น Long และต่ำกว่าราคาเข้าสำหรับโพซิชั่น Short
2. การทำงานของคำสั่ง:
หากราคาตลาดของหลักทรัพย์แตะที่ระดับ Take Profit (ทำกำไร) คำสั่งจะทำงานโดยอัตโนมัติ และโพซิชั่นจะถูกปิดที่ราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้น กระบวนการนี้เป็นไปแบบอัตโนมัติ และเทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดตลอดเวลา
ข้อดีของการใช้ Take Profit (ทำกำไร)
1. การเพิ่มผลกำไรสูงสุด:
ด้วยการตั้งระดับ Take Profit (ทำกำไร) เทรดเดอร์มั่นใจได้ว่าจะสามารถล็อกกำไรเมื่อราคาถึงระดับที่ต้องการ
2. การเทรดอัตโนมัติ:
ช่วยให้การเทรดเป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดตลอดเวลา และลดการตัดสินใจที่อาจเกิดจากอารมณ์
3. การจัดการความเสี่ยง:
คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) ทำงานเสริมกับคำสั่ง Stop Loss (หยุดขาดทุน) เพื่อให้มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สมดุล
ตัวอย่างการใช้ Take Profit (ทำกำไร)
- โพซิชั่น Long:
หากเทรดเดอร์ซื้อหุ้นที่ $100 และตั้ง Take Profit (ทำกำไร) ไว้ที่ $110 คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) จะทำงานเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง $110 ซึ่งจะล็อกกำไรไว้ที่ $10 ต่อหุ้น - โพซิชั่น Short:
หากเทรดเดอร์ขายชอร์ตหุ้นที่ $100 และตั้ง Take Profit (ทำกำไร) ไว้ที่ $90 คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) จะทำงานเมื่อราคาหุ้นลดลงถึง $90 ซึ่งล็อกกำไรไว้ที่ $10 ต่อหุ้น
ข้อควรจำ
- การดำเนินการอัตโนมัติ:
คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) จะดำเนินการโดยอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจได้ว่ากำไรจะถูกล็อกโดยไม่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง - ความผันผวนของราคา:
ราคาตลาดอาจผันผวนอย่างรวดเร็ว คำสั่ง Take Profit (ทำกำไร) จะช่วยล็อกกำไรในตลาดที่มีความผันผวน - การผสานกลยุทธ์:
คำสั่งนี้มักใช้ร่วมกับคำสั่งและกลยุทธ์การเทรดอื่น ๆ เช่น Stop Loss (หยุดขาดทุน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด